วันอังคารที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2552

“สินทรัพย์ประกันภัย” อัดแคมเปญบิลบอร์ดต่อเนื่อง

"สินทรัพย์ประกันภัย" อัดแคมเปญบิลบอร์ดต่อเนื่อง ฉีกแนวโฆษณาประกันค่ายอื่นที่ใช้ความเศร้าเป็นจุดขาย สร้างแบรนด์โดยใช้เด็กเป็น พรีเซ็นเตอร์ให้เห็นความสุขที่มีประกันภัย เน้นให้เห็นพัฒนาการของเด็กที่เติบโตเหมือนกับบริษัทฯ พร้อมกระตุ้นแคมเปญรายการโทรทัศน์ "ความรู้คู่สินทรัพย์" เพื่อให้ความรู้เรื่องประกันภัยเป็นปีที่ 2

สื่อโฆษณากลางแจ้งหรือบิลบอร์ดรูปเด็กทารกและมีคำว่า "รู้มั้ยผมลูกใครครับ...ก็ลูกค้าสินทรัพย์ไง" คงมีหลายคนจำจดโฆษณาดังกล่าวได้ ซึ่งเป็นวิธีการหักมุมการสร้างแบรนด์ของบริษัทสินทรัพย์ประกันภัย

"การโฆษณาเพื่อสร้างแบรนด์ต้องใช้อะไรที่สื่อภาพให้ติดตาและสร้างการจดจำ นั่นก็คือ เด็ก" ดร.สมนึก สงวนสิน ประธานกรรมการบริหาร บริษัทสินทรัพย์ประกันภัย จำกัด กล่าวและอธิบายว่า

เราเลือกสร้างแบรนด์จากเด็ก ตอนเริ่มทำบิลบอร์ดเด็กอายุ 6 เดือน ตอนนี้เด็กอายุ 2 ปี ซึ่งจะใช้เด็กคนเดิมมาถ่าย ทำให้เห็นว่าบริษัทสินทรัพย์ประกันภัยเติบโตขนาดไหน เพื่อให้แบรนด์เทียบแบรนด์

เขาบอกว่า เมื่อลูกค้าและคนทั่วไปจดจำเด็กคนนั้นได้ย่อมต้องติดตาว่าถ้าจดจำสินทรัพย์ประกันภัยได้ก็จดจำเด็กได้ หรือจดจำเด็กได้ก็จดจำสินทรัพย์ประกันภัย โดยพยายามสร้างสื่อให้สอดคล้องกัน เพราะการสร้างแบรนด์ให้ติดตาเป็นเรื่องที่ยาก อาจต้องใช้เวลา 30-40 ปี

การใช้เด็กมาเป็นพรีเซ็นเตอร์เพื่อโฆษณาผ่านบิลบอร์ด ดร.สมนึก ให้เหตุผลว่า บริษัทประกันภัยแต่ละแห่งจะสื่อโฆษณาในเรื่องของความเสียหาย ความเศร้า และมองว่าทำไมต้องนำความเศร้ามาซ้ำเติมในภาพโฆษณา จึงคิดฉีกแนวโดยใช้เด็กมาเป็นพรีเซ็นเตอร์เพื่อแสดงให้เห็นถึงความสดชื่น และความสุขที่มีประกันภัย

นอกเหนือจากใช้สื่อโฆษณากลางแจ้งเพื่อสร้างแบรนด์แล้วยังมีการใช้สื่อโฆษณาผ่านรายการโทรทัศน์ ซึ่งเป็นรายการ "ความรู้คู่สินทรัพย์" ออกอากาศทางช่อง 11 ในวันจันทร์-วันพุธ-วันศุกร์ ประมาณ 20 นาที ในช่วงหลังข่าวภาคค่ำ เพื่อให้ความรู้ทางด้านประกันภัย

"ผมไม่ได้โฆษณาแต่ต้องการสร้างภาพลักษณ์ตัวเองและบริษัทฯ เพราะหากผู้บริหารดำเนินรายการเอง จะทำให้สร้างความเชื่อถือของบริษัทฯมากขึ้น และในปีนี้จะทำต่อไป เพราะติดตลาดเร็วมาก มีคนรู้จักเพิ่มขึ้น" เขากล่าว

ขณะที่บริษัทสินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) เน้นใช้สื่อโฆษณาผ่านทางบิลบอร์ดเช่นกันและเป็นแคมเปญที่ได้ผลสำเร็จมากพอสมควร เพราะมีคนจำจดได้มาก โดยเน้นเรื่องความรวดเร็วในการให้บริการด้วยการการันตีมาตรฐาน ถ้าหากไปให้บริการเกิน 20 นาที จะมีการชดเชยในรูปแบบต่าง ๆ ให้กับลูกค้าของบริษัทฯ

นายเรืองเดช ดุษฎีสุรพจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทสินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แคมเปญสปีดการันตี 1 ถ้าไปถึงช้ากว่า 20 นาที จะมีการชดเชยอะไรบ้าง ได้แก่ ชดเชยเงิน 200 บาทต่อ 1 ครั้ง แต่ตอนนี้เปลี่ยนการชดเชยเป็นกรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล(พีเอ) ทุนประกัน 100,000 บาท เพื่อทำให้ประชาชนมีความมั่นใจมากขึ้น และสร้างความแตกต่างในธุรกิจ

ทางด้านนางสาวศิริกุล เลากัยกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท Enterprise IG จำกัด มองว่า ปีที่ผ่านมาบริษัทประกันวินาศภัยจะใช้สื่อโฆษณาผ่านสื่อสิ่งพิมพ์มากกว่าสื่อโทรทัศน์ เพราะคุ้มค่าและได้ผลมากกว่า รวมไปถึงมีการใช้สื่อโฆษณากลางแจ้ง แต่ไม่หวือหวามากนัก ถือเป็นสื่อที่ คุ้มค่าที่สุด เพราะลงทุนเพียงครั้งเดียวแต่ใช้ได้นานทำให้เกิดการจดจำและนึกถึงบริษัทประกันภัยที่ใช้สื่อโฆษณาเหล่านั้น

สินทรัพย์ฯสร้างเครือข่ายขยายงาน Non-motor

สินทรัพย์ประกันภัยวางกลยุทธ์ขยายธุรกิจปีหน้า เป็นองค์กรระดับกลางถึงสูง เล็งเจรจาพันธมิตรประกันวินาศภัยรายใหญ่ 6-7 ราย สร้างเครือข่ายเพื่อขยายงาน Non-motor หวังเพิ่มสัดส่วนจาก 18% ในปีนี้เป็น 25% ในปี 2551 ชี้บ.กลางและเล็กสร้างเบี้ยประกันหมุนเวียนถึงปีละ 3,000-4,000 ล้านบาท 'สมนึก' ประกาศรุกตลาดประกันอัคคีภัย เปิดแคมเปญพิเศษสิ้นปีนี้ ลดเบี้ยประกันภัยบ้านระยะยาว 3 ปี 20-30% จับฐานลูกค้ากลุ่ม Motor 8-9 หมื่นราย พร้อมลดเป้าหมายทำเบี้ยประกันตลาด 3 พลัสจาก 500 ล้านบาท เหลือ 100 ล้านบาท

ดร.สมนึก สงวนสิน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สินทรัพย์ประกันภัย จำกัด เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ถึง ทิศทางการทำธุรกิจของบริษัทในปี 2551 ว่า บริษัทตั้งเป้าหมายที่จะเป็นองค์กรระดับกลางถึงสูง และมีแผนที่จะขยายการรับงานในกลุ่ม Non-Motor จากบริษัทประกันภัยรายใหญ่ โดยจะเพิ่มสัดส่วนพอร์ตนัน-มอเตอร์จากปีนี้ที่ 18% หรือคิดเป็นมูลค่าเบี้ย 160 ล้านบาท จะเพิ่มขึ้นเป็น 25% ในปี 2551 หรือคิดเป็นมูลค่าเบี้ย 200 ล้านบาท โดยบริษัทฯจะเจรจากับพันธมิตรที่เป็นบริษัทประกันภัยรายใหญ่ ประมาณ 6-7 ราย เพื่อพัฒนาไปสู่รูปแบบเครือข่ายรับงานทั้งระบบ เพื่อให้มีการกระจายงานรับประกันภัยให้บ.กลางและบ.เล็กแทนการส่งต่อให้ต่างประเทศทั้งหมด ซึ่งทางสมาคมประกันวินาศภัยควรจะเข้ามาเป็นศูนย์กลางสนับสนุนการรับส่งงานดังกล่าว

"ขณะนี้กำลังมองหาพันธมิตรในการรับงานที่มีศักยภาพในการรับงานสูง ให้เป็นแบบเครือข่ายทั้งระบบ และส่งผลดีต่อเบี้ยประกันที่หมุนเวียนในประเทศ เพราะที่ผ่านมาบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็กสามารถสร้างเบี้ยประกันหมุนเวียนในประเทศได้ถึง 3,000-4,000 ล้านบาทต่อปี และการส่งงานให้แก่บริษัทขนาดกลางและเล็ก จะเป็นกำลังให้มีการเพิ่มทุนเพื่อให้มีฐานะที่มั่นคง เช่น ปัจจุบันบริษัทสินทรัพย์ฯสามารถรับงานที่เบี้ยประกันภัยไม่เกิน 500 ล้านบาทต่องาน ตามทุนจดทะเบียน 500 ล้านบาท "
ในการขยายตลาดรับประกันอัคคีภัยนั้น ไตรมาสที่ 4 ปีนี้ บริษัทฯได้จัดแคมเปญลดเบี้ยประกันภัย 20 -30% สำหรับแบบการประกันอัคคีภัยบ้านที่อยู่อาศัย จ่ายเบี้ยระยะยาว 3 ปี จากเดิมจ่ายเบี้ยปีต่อ รวมถึงขยายตลาดประกันอุบัติเหตุการเดินทาง ในกลุ่มคนไทยที่เดินทางไปต่างประเทศและชาวต่างชาติ จับพอร์ตลูกค้ากลุ่ม Motor ของบริษัท ประมาณ 80,000-90,000 ราย เช่น เจาะลูกค้ากลุ่มโรงงาน บ้านจัดสรร เน้นช่องทางการขายผ่านตัวแทนและนายหน้าเป็นหลัก และชี้ให้เห็นว่าการเลือกทำประกันภัยกับบริษัทประกันภัยที่ไม่ได้เป็นบริษัทที่ร่วมกับธนาคารในการรับประกันภัย จะได้รับการประเมินราคาเบี้ยประกันที่ถูกกว่าถึงประมาณ 2 เท่า

บริษัทฯใช้วิธีประเมินเบี้ยแบ่งเป็น 3 ระดับ ได้แก่ ระดับ A ประกันความเสี่ยงต่ำ อัตราเบี้ย 0.1% , ระดับ B ประกันความเสี่ยงกลาง อัตราเบี้ย 0.2% และระดับ C ประกันความเสี่ยง 0.3 % ทำให้สามารถประเมินอัตราเบี้ยประกันในอัตราต่ำกว่าบริษัทประกันภัยในระบบสินเชื่อได้ ยกตัวอย่าง ประกันตึกแถว 3 ห้องหากอัตราเบี้ยประกันภัยในระบบอยู่ที่ 20,000 บาท แต่บริษัทประเมินราคาระดับ A อยู่ที่ 7,000 บาท เป็นต้น

ในส่วนของเป้าหมายการดำเนินงานนั้น คาดว่าสิ้นปีนี้บริษัทจะมีเบี้ยประกันภัยประมาณ 1,000 ล้านบาท ปีหน้าจะขยายตลาด 10-20% มูลค่าเบี้ยประมาณ 1,200 ล้านบาท จากการขยายสัดส่วน Non-Motor มากขึ้น 25% คิดเป็นเบี้ยประกันภัยประมาณ 200 ล้านาท จากสิ้นปีนี้มีสัดส่วนอยู่ที่ 18% คิดเป็นมูลค่าเบี้ยประมาณ 160 ล้านบาท แต่ยังมีอัตราการสูญเสียต่ำมีเพียง 20% ขณะที่สัดส่วนพอร์ตด้าน Motor จะลดลงจาก

ประมาณ 80% เหลือ 75% หลังจากในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมานี้ บริษัทมีเบี้ยประกันภัยรวม 700 ล้านบาท และในช่วง 3 เดือนที่เหลือรายได้จะมาจากเบี้ยต่ออายุ Motor 50-60%

ประธานกรรมการบริหาร บ.สินทรัพย์ประกันภัย กล่าวเพิ่มเติมว่า แผนงานในส่วนของกลุ่ม Motor บริษัทจะปรับสัดส่วนเบี้ยประกันภัยจากอู่ซ่อมห้างลงเป็น 50% ภายในสิ้นปีนี้ และเป็น 40% ปีหน้า จากที่ผ่านมามีสัดส่วนอยู่ที่ 90% อู่ซ่อมทั่วไป 10% หลังจาก บริษัทได้ปรับเบี้ยส่วนนี้ขึ้นจากเดิม 13,000 บาทเป็น 18,000 บาท ทำให้กลุ่มลูกค้าอู่ซ่อมห้างที่ต้องการเบี้ยถูกหายไป เนื่องจากปัญหาอู่ซ่อมห้าง ยังมีค่าบริการซ่อมแพง เช่นเดียวกับตลาดประกันภัย 3 พลัสที่ต้องรอดูอัตราการสูญเสียที่ชัดเจนหลังจากที่เพิ่งทำตลาดไป 3 เดือน ซึ่งขณะนี้แม้ว่าภาพรวมโต แต่เริ่มพบอัตราการสูญเสียที่เกิดขึ้นกับตลาด เห็นได้จากมีการขอเคลมสินไหม 200,000 บาทต่อครั้ง อย่างไรก็ตาม บริษัทฯได้พิจารณาปรับลดเป้าหมายเบี้ยประกันภัยตลาด 3 พลัส จากที่ตั้งเป้าหมายในปีนี้ไว้ที่ 500 ล้านบาทมาอยู่ 100 ล้านบาท เพราะเกรงว่าอาจจะมีปัญหาเหมือนกรณีที่พบอัตราความสูญเสียจากการทำประกันภัยชั้น 1 สำหรับรถยนต์บางยี่ห้อ เช่น ฮอนด้า โตโยต้า ที่มีอัตราความสูญเสียประมาณ 87%

ที่มา หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ

วันศุกร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

สินทรัพย์ประกันภัย

เว็บนี้จะนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับบริษัทประกันภัยรถยนต์ โดยเฉพาะข้อมูลของบริษัท สินทรัพย์ประกันภัย